A (ตัวใหญ่: A, ตัวเล็ก: a) คืออักษรและสระตัวแรกในอักษรละติน มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า เอ ในขณะที่หลายภาษาเช่น ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอิตาลี เรียกตามชื่อเดิมของอักษรนี้คือ อา /a/, /aː/ รูปพหูพจน์เขียนเป็น A's, As, as, หรือ a's[1] อักษร A มีพัฒนาการมาตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณโดยมีหลักฐานในอักษรภาพไฮโรกลิฟฟิก และมีการหยิบยืมไปใช้โดยวัฒนธรรมอื่นจนกระทั่งปัจจุบัน โดยยังคงไว้ซึ่งจุดเด่นนั่นคือ A เป็นตัวอักษรแรกของชุดตัวอักษรในภาษาเสมอ ใช้แทนเสียงสระ อา เอ หรือ แอ ที่ประกอบกับเสียงพยัญชนะ หรือใช้แทนเสียงสระอย่างเดียวก็ได้ นอกจากนั้นอักษร A ก็มีการเติมเครื่องหมายและถูกดัดแปลงไปหลายรูปแบบเพื่อการนำไปใช้เป็นอักขรวิธีในภาษาหนึ่ง ๆ
ประวัติ
อักษร A มีจุดเริ่มต้นมาจากอักษรภาพ (pictogram) จากรูปหัวของวัวในไฮโรกลิฟ หรืออักษรในยุคสำริด
ไฮโรกลิฟ
หัวของวัว อักษรยุคสำริด
หัวของวัว อักษรฟินิเชีย
อะเลฟ อักษรกรีก
แอลฟา อักษรอีทรัสคัน
A อักษรโรมัน
A
ในช่วงประมาณ 1600 ปีก่อนคริสตกาล อักษร A ของอักษรฟินิเชียได้พัฒนาเป็นรูปแบบเชิงเส้น ซึ่งเป็นพื้นฐานของรูปแบบการเขียน A ในเวลาต่อมา ชื่อของอักษรนี้มีชื่อเหมือนกับ "อะลิฟ" ในอักษรอาหรับ หรือ "อะเลฟ" ในอักษรฮีบรู
เมื่อถึงยุคกรีซโบราณ ชาวกรีกก็ได้รับเอาอักษรฟินิเชียมาดัดแปลง และเนื่องจากชาวกรีกไม่มีการใช้เสียงกัก เส้นเสียง (glottal stop) อ /ʔ/ เหมือนภาษาฟินิเชียหรือภาษากลุ่มเซมิติกอื่น ๆ ดังนั้นชาวกรีกจึงใช้อักษรนี้แทนเสียงสระ อา /a/ และเรียกชื่อใหม่เป็นแอลฟา (alpha) ในจารึกเริ่มแรกหลังจากยุคมืดของกรีซ (Greek Dark Ages) จนถึงศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล อักษร A เขียนโดยตะแคงด้านหนึ่งราบลงไปกับเส้นบรรทัดคล้ายอักษรฟินิเชีย แต่ในภายหลังอักษรกรีกได้พัฒนาให้คล้ายกับอักษรในปัจจุบัน
Blackletter A Uncial A Another Capital A
Modern Roman A Modern Italic A Modern Script A
ชาวอีทรัสคันได้นำอักษรกรีกไปใช้ในดินแดนคาบสมุทรอิตาลีและยังคงไว้ซึ่งรูปอักษร ต่อมาชาวโรมันนำเอาอักษรอีทรัสคันไปเขียนภาษาละติน ส่งผลให้อักษรนี้ยังคงมีใช้อยู่ในอักษรละตินสมัยใหม่และใช้เขียนภาษาต่าง ๆ ในปัจจุบันรวมทั้งภาษาอังกฤษ
อักษรนี้มีอักษรตัวเล็กสองแบบ แบบหนึ่งประกอบด้วยห่วงคล้ายวงกลมและเส้นตั้งหนึ่งขีด (ɑ) เรียกว่า "ละตินแอลฟา" มักพบในการเขียนด้วยลายมือ ในขณะที่สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ใช้อีกแบบหนึ่งซึ่งประกอบด้วยห่วงคล้ายวงกลมและเส้นโค้งที่คลุมด้านบน (a) อักษรทั้งสองแบบต่างก็พัฒนามาจากอักษรตัวใหญ่ตัวเดียวกัน โดยเชื่อมขาข้างซ้ายเข้ากับเส้นขวางตรงกลางให้เป็นห่วงอันเดียว (ดูภาพ Unicial A) แบบอักษรจำนวนมากได้ทำให้ขาข้างขวาตั้งตรง ซึ่งอักษรบางแบบก็ทำให้เซริฟที่อยู่บนขาข้างขวากลายเป็นเส้นโค้งไป ทำให้รูปแบบนี้ใช้สำหรับการพิมพ์ ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งก็ใช้สำหรับการเขียนด้วยลายมือ
การใช้งาน
อักษร A ถูกใช้แทนเสียงสระซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละภาษา อาทิ เสียงสระ อา /a/, อา-ออ /ɑ/ (ปากกว้างกว่า อา) , เอ /eɪ/, หรือ แอ /æ/ และเพื่อแยกแยะเสียงเหล่านี้ บางภาษาได้กำหนดให้เติมเครื่องหมายเสริมสัทอักษร (diacritics) ลงไปบนอักษร เช่น Á À Å เป็นต้น ส่วนในสัทอักษรสากลก็มีสัญลักษณ์จำนวนหนึ่งที่มาจากอักษร A ในรูปแบบต่าง ๆ แทนเสียงสระที่นอกเหนือจากที่กล่าวมา
อักษร A เป็นอักษรที่ถูกใช้บ่อยเป็นอันดับสามในภาษาอังกฤษ และเป็นอันดับสองในภาษาสเปนและภาษาฝรั่งเศส ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจำนวนอักษร A ในหนังสือภาษาอังกฤษคิดเป็น 8.2% ของตัวอักษรทั้งหมด ในขณะที่ภาษาสเปนและภาษาฝรั่งเศสเท่ากับ 6.2% และ 4% ตามลำดับ[3]
วัฒนธรรมของการใช้อักษร A มักจะถูกตีความว่าเป็นอันดับแรกสุด หรือดีที่สุด เช่นการให้เกรดในสถานศึกษา เกรด A หมายถึงได้คะแนนดีที่สุด เป็นต้น มักใช้จัดลำดับความสำคัญซึ่ง A หมายถึงสำคัญที่สุด ดังเช่นการจัดลำดับหัวข้อโดยใช้อักษรละติน หัวข้อ (A) จะขึ้นต้นก่อนเสมอตามลำดับตัวอักษร[4] การศึกษาในปี พ.ศ. 2553 ของสมาคมจิตวิทยาอังกฤษ ได้ข้อสรุปว่า การที่นักเรียนเห็นตัวอักษร A ก่อนหน้าการสอบจะเป็นการเพิ่มผลการสอบของนักเรียนได้[5]
นอกเหนือไปจากนี้อักษร A ที่ไม่ได้ใช้ตีความในทางดังกล่าว สามารถยกตัวอย่างได้ดังนี้
อักษรตัวใหญ่หรือตัวเล็ก
A หรือ a ใช้เป็นคำนำหน้านามที่ไม่เฉพาะเจาะจง (indefinite article) ในภาษาอังกฤษ เช่น a cat หมายถึง "แมวตัวหนึ่ง" (ตัวใดก็ได้เพียงตัวเดียว) สำหรับคำที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ จะเปลี่ยนไปใช้ an แทน เช่น an elephant หรือ an hour
–a เป็นคำปัจจัยในภาษาเอสเปรันโต ใช้สำหรับเปลี่ยนรากศัพท์ (หรือคำนาม) ให้กลายเป็นคำวิเศษณ์
แท็ก <A> หรือ <a> ใช้สำหรับสร้างการเชื่อมโยงหรือกำหนดตำแหน่งคั่นหน้าใน HTML
A หรือ a ใช้แทนค่าที่เท่ากับ 10 ในระบบเลขตามฐานตั้งแต่เลขฐานสิบเอ็ดเป็นต้นไป เช่น เลขฐานสิบหก เป็นต้น
MS-DOS ใช้สัญลักษณ์ A: หรือ a: แทนไดรฟ์ของฟลอปปีดิสก์เครื่องที่หนึ่ง
ในคอมพิวเตอร์บางระบบ ไอคอนรูป A เป็นตัวแทนของฟอนต์ทรูไทป์ ส่วนไอคอนรูป a เป็นตัวแทนของฟอนต์ไทป์วัน
เฉพาะอักษรตัวใหญ่
สัญลักษณ์ของลัทธิอนาธิปไตย
A เป็นสัญลักษณ์แทนหน่วยวัดกระแสไฟฟ้า แอมแปร์
ในทางดนตรี A คือโน้ตเสียง "ลา" ที่ความถี่ 440 เฮิรตซ์ หรือหมายถึงคอร์ด A major
A เป็นหมู่โลหิตหนึ่งจากทั้งหมดสี่หมู่
ในทางตรรกศาสตร์ ∀ ใช้แทนความหมายของ "สำหรับค่าของ...ทั้งหมด" เช่น ∀x คือ "สำหรับค่าของ x ทั้งหมด"
ในทางเรขาคณิต A ใช้แทนพื้นที่ หรือพื้นที่ของหน้าตัด
ฟีลด์ของจำนวนเชิงพีชคณิต เขียนแทนด้วย A หรือ (อักษรแบล็กบอร์ด)
A เป็นชื่อของวิตามินชนิดหนึ่ง
ในทางชีววิทยา A หมายถึง อะดีนิน (adenine) ซึ่งเป็นนิวคลีโอไทด์หนึ่งในสี่ชนิดที่เป็นส่วนประกอบของดีเอ็นเอ
A เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ในเกมไพ่ แทนตัวเอซ (Ace) ไพ่ป๊อกหนึ่งสำรับจะมีตัวเอซสี่ใบ
A-Class เป็นรุ่นรถยนต์ของเบนซ์
ใช้แทนขนาดของยกทรง วัดโดยความต่างของยอดอกกับฐานอก ซึ่งคัพ A อยู่ระหว่าง 12–14 ซม. และคัพ AA อยู่ระหว่าง 10–12 ซม. ตามมาตรฐาน EN 13402 ของยุโรป
หมายเลขไอพีของคลาส A อยู่ระหว่าง 0.0.0.0 ถึง 127.255.255.255 และมีช่วงไอพีส่วนตัวคลาส A อยู่ระหว่าง 10.0.0.0 ถึง 10.255.255.255 สำหรับใช้เฉพาะภายในองค์กร
ใช้แทนการกำหนดขนาดกระดาษตามมาตรฐาน ISO 216 เช่น A0, A1, A4 เป็นต้น โดยอัตราส่วนด้านกว้างต่อด้านยาวเท่ากับ 1:√2
Ⓐ (A ภายในวงกลม) เป็นสัญลักษณ์ของลัทธิอนาธิปไตย
เฉพาะอักษรตัวเล็ก[แก้]
a ย่อมาจาก อัตโต– (atto–) เป็นคำอุปสรรคคำหนึ่งสำหรับเติมหน่วยวัดต่างๆ มีค่าเท่ากับ 10−18
a เป็นสัญลักษณ์แทนหน่วยวัดพื้นที่ อาร์ (are)
ในทางฟิสิกส์ a เป็นสัญลักษณ์แทนความเร่ง ในขณะที่ α (แอลฟา) ใช้แทนความเร่งเชิงมุม
a ใช้แทนความยาวของกึ่งแกนเอกในรูปวงรี
ในนาฬิกาแบบสิบสองชั่วโมง a ย่อมาจาก am หมายถึงเวลาก่อนเที่ยงวัน
a, æ, ɐ, ɑ, ɒ ใช้เป็นสัทอักษรสากลสำหรับแทนเสียงสระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น